“ บาทเดียวดูเพลิน อะไรไม่เกินเมียงู
ลูบได้คลําได้ ลูบได้คลําได้
แต่อย่าเอาไม้แหย่รู ”



เชื่อว่าหลายๆ คน คงคุ้นชินกับบทเพลงนี้กันมาบ้างในงานสันทนาการ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาสี งานรับน้อง หรืองานสังสรรค์ อื่นๆ ที่ได้ยินฝังหูกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ความหลังและความหมายของเพลงนี้ ก่อนจะกลับกลายมาเป็นเพลงสันทนาการที่รื้นหูคนรุ่นต่อรุ่น กลับมีที่มาที่น่าสนใจ แต่ไม่ค่อยถูกนําเสนอ หรือบอกเล่ามากนัก



บทเพลงข้างต้นมีที่มาของการแสดง ‘เมียงู’ โชว์ระหว่างงูเหลือมกับหญิงสาวที่ท่อนบนมีเพียงเกาะอก และท่อนล่างมีหาง ยาวคล้ายกับหางงู โดยมีการสวมบทบาทให้งูเหลือมนั้นเป็นชาย (ผัวงู) ที่กําลังเลื้อยไหล กอดรัดกับเมียซึ่งเป็นคน



การแสดงเมียงูอยู่คู่กับงานฉลองบรมบรรพต หรือเรียกง่าย ๆ ว่า งานวัด ซึ่งถือเป็นความบันเทิงหย่อนใจที่คู่กับคนไทยมา เป็นเวลาถึงร้อยปี มักจะมาพร้อมกับโชว์แปลกอื่น ๆอย่างคนสองหัว ผีหัวขาด หรือแฝดตัวติดกัน โดยจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของโชว์เมียงู คือถ้อยคําเชื้อเชิญของโฆษกที่พูดว่า
“ทําไมหญิงสาวถึงเป็นเมียกับงู และทํา อย่างไรกับงู เชิญเข้ามาดู จะจับต้อง ลูบคลําก็ได้ แต่อย่าเอาไม้แหย่รู…เปิดใจลองดู แค่บาทเดียว รับรองว่าคุณจะ เพลิดเพลินกับเราแน่นอน…”
คําเชื้อเชิญสองแง่สองง่ามนี้ ได้กลายมาเป็นเพลงติดหู ที่มาพร้อมกันกับท่าเต้นประกอบจังหวะสนุกสนาน หรือเรียกได้ว่า เป็นเพลงประจําชาติงานสันทนาการของทุกคนเมื่อเข้าสู่รั้วโรงเรียนเลยก็ว่าได้
เมื่อเวลาผ่านไปและบทเพลงยังคงดําเนินอยู่ แต่การแสดงเมียงูกลับถูกลดความสนใจลง เนื่องจากโชว์แปลกที่พวกเขา สนใจอาจต้องเป็นสิ่งที่ลุ้นระทึก ลึกลับ จับหาความจริงได้ยาก ต่างจากการแสดงเมียงู ที่คนในยุคนี้เข้าใจตรงกันว่าเป็นสิ่ง ที่เป็นไปได้ยาก หรือทางหนึ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่คนจะเป็นเมียงู



หากเปรียบเทียบกับ Freak Show หรือโชว์การแสดงมนุษย์ประหลาดที่ได้รับความนิยมในฝั่งตะวันตก และเกิดขึ้นจากเรื่อง จริง ใช้คนประหลาดตัวจริง ๆ มาแสดง และเคยถูกสร้างเป็นซีรีส์ชื่อดังอย่าง American Horror Story ที่หยิบจับเอาเรื่องราว ของตัวละครที่เป็นมนุษย์ประหลาด ผิดปกติทางร่างกาย ทั้งแฝดสองหัวตัวติดกัน สาวสามขา หรือชายขากุดมาเล่าเป็นซีรีส์ สยองขวัญที่ติดตาผู้ชมเกือบทั่วโลก
เรื่องราวของ มิลลิ-คริสตีน แฝดสองหัวที่เกิดมาตัวติดกัน
ด้วยความผิดปกติในภาวะ
Polycephaly
หรือภาวะการแยกไข่ ไม่สมบูรณ์ เกิดได้กับทั้งคนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ผลจากภาวะผิดปกตินี้ ทําให้สิ่งมีชีวิตแยกออกเป็นสองหัว
ในตัวเดียวกัน



ทั้งสองกําเนิดที่เมืองรัฐนอร์ทแคโรไลนา เมือปี 1851 ด้วยความผิดปกติของเธอ พ่อแม่จึงตัดสินใจขายลูกสาวให้คณะโชว์ ตัวประหลาด ทําให้เธอทั้งสองต้องร่อนเร่เป็นนักแสดงโชว์ซึ่งเรื่องราวของเธอ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเป็นตัวละคร เบตต์ และดอต แททเลอร์ สาวสองหัวหนึ่งร่างในเรื่อง American Horror Story : Freak Show นั่นเอง
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือเรื่องราวของมนุษย์ประหลาดที่เคยเกิดขึ้นจริงในสังคม และได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับทั้งผู้ชม ทั้งในและนอกจอทีวีมาแล้ว



กลับมาที่โชว์เมียงู และโชว์แปลกอื่นในไทย อย่าง…นางดอกบัว เด็กสองหัวลําตัวเดียว กระสือสาว หรืองูเก็งกอง ที่นับวัน ยิ่งหาชมได้ยากมากขึ้น นานทีปีไหนจะมีหนึ่งหน และส่วนมากจะเป็นการแสดงที่เกิดจากศิลปะการหลอกล่อคนใน สมัยก่อน โดยใช้เทคนิคพรางตาและการสร้างภาพลวง ซึ่งไม่ได้เกิดมาจากความประหลาดจริงๆ



การเข้าชมโชว์เหล่านี้ราคายุคเริ่มแรกอยู่ที่ 1 บาทเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้ปรับมาเป็น 20 บาท แต่ก็ไม่ใช่เงินจํานวนมากนัก เพราะหลายคนยอมจ่ายเพื่อตบเท้าเข้าไปไขข้อข้องใจและเปิดโลกว่ายังคงมีสิ่งนี้อยู่
คอลเลคชั่น Jackfruita Fantasma
หรือ ‘โชคดีผีขนุน’
จากแบรนด์ One More Thing (OMT) หยิบจับเอาการแสดงแปลก ๆ ในความทรงจํา ของคนไทย มาถ่ายทอดในคอนเซปต์ ‘เมียงู’ โชว์ของแปลกตามงานวัด ที่คงความประหลาด ลี้ลับ น่าค้นหา ได้ถูกนํามาเล่าอีกครั้งผ่านผลงานการออกแบบลายผ้าทอแสนละเอียด ที่ทําให้เทคเจอร์ของผ้าทอดูน่าสัมผัส และโดดเด่นขึ้นมาด้วยเส้นใยสีนีออนล้อแสง และเตะตา ที่ไม่เคยมีที่ไหนทํามาก่อน และออกมา เป็นสินค้าอย่างกระเป๋าผ้าทอ หมอนขิตผ้าทอ และพรมผ้าทอ กว่า 12 ลายด้วยกัน
อีกทั้งคอนเซปต์ในการสื่อสารภาพ ยังได้นํากลิ่นอายที่เป็นซิกเนเจอร์ของโชว์เมียงู อย่างฉากผ้าต่วนสามสี ถังน้ำแช่เท้า หรือเก้าอี้พลาสติกสีจัดจ้าน ดึงมาเชื่อมโยงกับการแสดงเมียงู ที่จะทําให้ทุกคนหวนรําลึกนึกถึงบรรยากาศ ของโชว์แปลกนี้ ที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความบ้าน ๆ ความสะเปะสปะ หลากสีสันที่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในงานวัดไทย
แม้ท้ายที่สุดเมียงูจะเป็นของแปลกหรือไม่ในสายตาของคนรุ่นใหม่ เพราะเราต่างรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ภายในการแสดงอยู่แล้ว สิ่งนั้นอาจไม่ใช่ประเด็นสําคัญอะไรหาก คําถามที่เกิดขึ้นมากกว่านั้นคือ …
ทําไมสิ่งนี้ถึงได้อยู่คู่สังคมไทยมานานแสนนาน และมันหายไปไหน ?
ความแปลกที่คนในรุ่นก่อนได้นิยามไว้ อาจไม่มีผลต่อความเชื่อของคนรุ่นใหม่มากนัก เพราะเทคโนโลยีเข้ามาทำให้ความคลาสสิกเลือนหายไป แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เมื่อเพลงนี้ถูกเปิดขึ้นมาวันใดวันหนึ่ง ต้องมีใครสักคน ตั้งคําถามผ่านบทเพลงว่า
‘เมียงู’ คืออะไร?!



กลายเป็นข้อสงสัยที่ชวนให้คนรุ่นใหม่เข้ามาหาความหมายของมันอย่างไม่มีวันสิ้นสุด… และโปรดจงอย่าลืมว่า ของแปลกก็คือของหายาก และมันมักน่าจดจําเสมอ
ข้อมูลอ้างอิง
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9580000091991
http://oknation.nationtv.tv/blog/chakkrish/2008/04/08/entry-2
https://movie.mthai.com/movie-news/164468.html