เชียงรายห่างจากคำว่า FASHION
ADI คือชื่อแบรนด์ที่ย่อมาจากชื่อตัวเอง … หนุ่มเชียงรายที่สนใจในเรื่องราวของ Fashion แต่ด้วยความที่เชียงรายไม่ใช่เมืองหลวงแห่งแสงสี เรื่องของ Fashion จึงห่างไกลมาก
ADI จบจิตรกรรม ประติมากรรม ในระดับ ปวส. ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อก่อนเคยคิดว่า…จบไปแล้วคงทำงานเป็นศิลปิน อาจมีโอกาสแสดงงาน ปีละครั้ง สองครั้ง แต่ด้วยความที่สนใจทั้งเรื่องของงานศิลปะและเรื่องของแฟชั่น เราก็ทำงานศิลปะไปด้วย และก็ทำเสื้อผ้าใส่เองด้วย ตัดเสื้อเอง สกรีนเสื้อเอง ส่วนใหญ่จะคลุกคลีกับเสื้อผ้ามาตลอด นอนอยู่เฉย ๆ ก็คิดถึงแต่เสื้อผ้า ไม่ใช่อยากใส่นะ แต่เราอยากทำ
จนมาเจอนิตยสารเล่มหนึ่ง ที่รวบรวมคนแต่งตัว เปรี้ยว ๆ เก๋ ๆ เกือบทุกคนในนั้นที่เราชอบ เขียนเหมือนกันหมดว่า เรียนสาขาแฟชั่น จาก มศว. จึงรู้ว่ามันมีวิชาที่สอนเกี่ยวกับ Fashion จึงตั้งใจสอบและจะเรียนที่ มศว. ให้ได้
– ยังชอบมาตลอด ชอบจนขนาดที่ว่า ตอนเป็นทหาร 2 ปี ก็เสพแต่นิตยสารแฟชั่นนะ ทั้งในชุดทหารนั่นแหละ –
MILAN Is Calling
“เราอยากเห็นให้มากขึ้น เห็นให้กว้าง เห็นให้สุดทาง”
ADI พูดระหว่างสัมภาษณ์ จากเรื่องราวของการเรียนจบจากคณะแฟชั่นที่ มศว. ว่าต้องหาทุนไปเรียนต่อต่างประเทศให้ได้ ไม่เกี่ยงเลยว่าจะเป็นที่ไหน อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ จะเป็นที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีทุน ADI เอาหมด
ความพยายามไม่เคยทรยศใคร ADI ได้ทุนรางวัลที่ 1 จาก Domus Academy จากคำแนะนำของอาจารย์ ทั้งที่ในระหว่างนั้นมีงานประจำอยู่แล้ว ทำงานไปด้วย พร้อมกับทำ Resume ส่งไปด้วย จนถึงส่งตัวอย่างผ้าไปให้เขาดูด้วย มีเวลา 2 เดือน ในการเตรียมตัวให้พร้อม ที่จะไปเรียนต่อสาขาการออกแบบแฟชั่นที่มิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งตอนนั้นดีใจมาก
ADI พัฒนาตัวเองทั้งด้านการใช้ชีวิตและทักษะการทำงาน รวมถึงมุมมองของ Fashion เอง สิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มค่ามาก กล้าพูดขึ้น เรียนรู้ที่จะแสดงออกและสื่อสารมากขึ้น อยู่ไทยเราใช้ภาษาที่เราเข้าใจกันอยู่แล้ว บางครั้งเราทำงานโดยไม่ต้องพูดอะไรมากคนก็เข้าใจเรา แต่กับที่มิลาน ทุกอย่างเปลี่ยนใหม่หมด โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาและการทำงาน
ADI คิดเสมอ เวลาที่ได้มีโอกาสได้ไปดู Fashion Show ของ Elle fashion week ว่าสักวันแบรนด์ ADI ต้องได้เดินบนรันเวย์นั้น และก็ได้เดินจริง ๆ เหมือนกับได้เปิดตัวว่า นี่คือเรา เราทำแบบนี้ ทำแบรนด์นี้อยู่ ซึ่งเราก็คิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่ ADI จะได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่
เสื้อผ้าของ ADI ต้องได้เฉิดฉายสักวัน
ADI คือ วัยรุ่นในแต่ละยุคสมัย ยืนหยัดในความเป็นตัวของตัวเอง มีความขบถและตั้งคำถามต่อสังคมรอบตัว ตัวตนของ ADI ใช้กระบวนการคิดและทำงานอย่างศิลปินจำพวก dada art ที่เปลี่ยนความหมายของขยะ หรือการนำสิ่งของที่ถูกทิ้งขว้างมาตีความใหม่ ให้กลายเป็นงานศิลปะ ไม่เน้นความหรูหราหรือสวยงามตามจริตของเสื้อผ้า fashion ตามปกติ
การที่ใช้ของแพงกับการทำแบรนด์ในช่วงแรก ผลตอบรับไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะดีแค่ไหน จึงเริ่มจากการใช้ผ้ามือสอง หรือผ้าตามตลาดสำเพ็งนี่แหละ ฟังดูอาจจะดูเหมือนกับดีไซเนอร์หลาย ๆ คนคงพูดแบบนี้ แต่นี่คือความเป็นจริง
Exclusive Item
ADI นำเสนอเสื้อผ้าออกมาในแบบดิบ อาจจะไม่สวยงาม ไม่ฟู่ฟ่า แต่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ อย่างตัวที่เป็น Exclusive ที่เป็นผ้าธรรมดา แต่เราใส่ลูกเล่นในการกัดสีผ้า รวมถึงการใส่ซิปบนเสื้อตรงกลางหน้าอก เป็นส่วนที่น้อยคนจะเอาไว้ตรงหน้าอก หรือแม้กระทั่งแขนไม่เท่ากัน ชายเสื้อไม่เรียบร้อย
สินค้าทุกชิ้นที่ ADI ทำขึ้น ไปจนถึงสินค้า Exclusive กับ The Continuum มีปัจจัยและการคิดตลอดว่าจะทำอย่างไรให้มันเป็นแบรนด์ได้ โดยเสียเงินให้น้อยที่สุด และใช้ทรัพยาการที่มีอยู่ให้ไม่สูญเปล่า
ADI ในตอนนี้ เราแบ่งพื้นที่ส่วนตัว ทำเป็น Home Studio ขนาดย่อม อะไรที่สามารถทำเองได้ก็ทำกันเอง เสื้อผ้าบางชิ้นอาจจะเป็นการหมุนของเก่ามารวมกับแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ๆ เกิดเป็น Design ใหม่ที่เป็นตัวเราเองก็ได้ เพราะทุกอย่างใน ADI ก็คือตัวเราเองทั้งหมด
ซึ่งการไม่มี Official Studio ที่ทีมงานประจำอย่างเป็นทางการนั้น บางครั้งก็ทำให้เราพลาดโอกาสบางอย่างไป เช่น ในทุก ๆ ปีมีคนจากทั้งในและนอกประเทศมาขอฝึกงานตลอด พอไม่มีพื้นที่รองรับในการทำงาน ก็ไม่อยากรับพวกเขาเข้ามา เพราะไม่อยากให้เขาได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี จากความไม่พร้อมในเรื่องของพื้นที่การทำงาน
แต่ข้อดีก็มีเยอะ ในเศรษฐกิจยุคนี้ ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเช่า ค่าคน ที่จะเป็นภาระกับเรา เราสามารถนำเงินส่วนนี้ไป focus ในเรื่องของเสื้อผ้าได้เต็มที่
เคยมีคนบอกว่า จะเป็นศิลปินหรือดีไซน์เนอร์ ก็เลือกที่จะเป็นสักอย่าง แต่ ADI คิดว่าเราจะเป็นทั้ง 2 อย่าง ปกติเป็นคนวาดรูปหรือทำงานศิลปะตลอด และอยากให้มันอยู่บนเสื้อผ้าของเรา ให้ทั้ง 2 อย่างนี้มาอยู่ด้วยกัน เพรามันคือตัวตนของ ADI
หน้าคนที่วาดหลากหลายอารมณ์ แปรผันไปตามช่วงอายุและอารมณ์ของเราตอนนั้น เป็นเหมือนตัวแทนของคนที่เราเจอตามท้องถนน หรือแม้กระทั่งสวนสาธารณะ หรือเป็นตัวเราเอง สื่อออกมาเป็นคาร์แรคเตอร์ของ ADI หรือเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ก็ว่าได้ แต่ละคนเป็นที่เราวาด ได้ไอเดียมาจากเอกลักษณ์ของคนที่เราเคยเจอ เอารวมกันและสื่อออกมาผ่านลายเส้น อย่างคนชื่อ Paul ก็เป็นคนอารมณ์เศร้า แต่เราเลือกให้คนชื่อ BOY เป็นพรีเซ็นเตอร์ของสินค้า Exclusive กับ The Continuum นะ